"บทกวีจากสกลนคร มีความเรียบง่ายที่เหมือนกวีเอเชียอย่างไฮกุ จื้อจวี่ และซิโจ แต่พิเศษด้วยความเป็นไทยของ อ. เดวิด เล่มนี้เหมาะกับคนที่ชอบอะไรเรียบๆ แต่มีพลัง"
รีวิวหนังสือ "บทกวีจากสกลนคร"
บทกวีจากสกลนคร โดย อ. เดวิด ชาวต่างชาติที่หลงรักประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี เป็นหนังสือกวีฟรีเวิร์ส 91 บทที่เน้นความเรียบง่าย ไม่เยอะคำ แต่เต็มไปด้วยความหมาย ทั้งเรื่องธรรมชาติ จิตวิญญาณ และชีวิตประจำวัน ความเรียบง่ายนี้ชวนให้นึกถึงกวีชื่อดังในเอเชีย เช่น ไฮกุของญี่ปุ่น จื้อจวี่ของจีน และซิโจของเกาหลี ที่ใช้คำน้อยแต่บอกเล่าอะไรได้มากมาย ถึงจะต่างจากรูปแบบดั้งเดิม แต่งานของ อ. เดวิด ยังคงมีกลิ่นอายความเป็นไทย และสะท้อนความลึกซึ้งในแบบของเรา
ไฮกุญี่ปุ่น: ธรรมชาติในคำสั้นๆ
ไฮกุของญี่ปุ่นมีแค่ 17 พยางค์ (5-7-5) เน้นภาพธรรมชาติที่เรียบง่ายแต่ชวนคิด เช่น กวีชื่อดัง มัตสึโอะ บะโช เคยเขียนถึง “บ่อน้ำเงียบสงบ / กบกระโดดลงไป / เสียงน้ำดังขึ้น” ใน บทกวีจากสกลนคร ก็มีแบบนี้เหมือนกัน บทที่ 17 “ก่อนฝนโปรย / มีเสียงลมฝนครืนครางดังมาแต่ไกล” ใช้คำสั้นๆ บรรยายลมฝนที่ใกล้มา เหมือนไฮกุที่จับจังหวะของธรรมชาติ แต่ของ อ. เดวิด ไม่ติดกฎพยางค์ มีความเป็นอิสระแบบไทย และให้ความรู้สึกถึงฝนมรสุมที่เราคุ้นเคย ไม่ใช่แค่ความสงบแบบญี่ปุ่น
จื้อจวี่จีน: น้อยคำแต่ลึกใจ
จื้อจวี่จากจีนสมัยราชวงศ์ถังเป็นกวี 4 บรรทัด คำไม่เยอะแต่ซ่อนความรู้สึกไว้เยอะ เช่น กวีหลี่ไป๋เขียน “แสงจันทร์ส่องหน้าต่าง / คล้ายน้ำค้างบนพื้น” เพื่อบอกความเหงาในคืนเงียบ บทกวีจากสกลนคร ก็ทำแบบนี้ได้ดี บทที่ 78 “ดวงอาทิตย์อัสดง อาบแสงทองทาบฟ้าทะลุลายเมฆ” ใช้แค่ไม่กี่คำเล่าถึงพระอาทิตย์ตกที่สวยแต่เหมือนอะไรกำลังจางไป มันไม่มีโครงแบบจีนที่ต้องสมดุล แต่ความเรียบง่ายนี้ยังคงบอกอะไรลึกๆ ได้ เหมือนแสงเย็นที่เราเห็นในชนบทไทย
ซิโจเกาหลี: เรื่องราวในความเรียบ
ซิโจของเกาหลีมี 3 บรรทัด บอกเล่าเรื่องสั้นๆ แล้วจบด้วยความคิด เช่น “ลมพัดเบาๆ / ดอกไม้บานเงียบในหุบเขา / ฉันนั่งคนเดียวสัมผัส 春天” บทกวีจากสกลนคร มีกลิ่นนี้ในบทที่ 19 “เข้าพรรษา / วาระที่พระละวางการเดินทาง / สามนาทีละทิ้งกังวลไป ใจสงบนิ่งอธิษฐาน” เริ่มจากเรื่องพรรษา แล้วชวนให้สงบจิต ไม่ยาวเท่าซิโจ แต่ก็เล่าแบบง่ายๆ แล้วทิ้งข้อคิดให้เรา เหมือนการนั่งสมาธิที่คนไทยรู้จักดี ผสมความเป็นพุทธแบบไม่ต้องซับซ้อน
ความเรียบง่ายแบบไทย
ไฮกุ จื้อจวี่ และซิโจ ล้วนใช้คำน้อยเพื่อบอกอะไรที่ใหญ่ บทกวีจากสกลนคร ก็เดินทางสายนี้ แต่ใส่ความเป็นไทยเข้าไป บทที่ 66 “เสียงฝนสาดซัดหลังคาเหล็กระรัว / กลั้วเสียงกบร้องหาคู่ริมสระน้ำ” บรรยายฝนตกและกบร้องแบบบ้านๆ เหมือนไฮกุที่พูดถึงธรรมชาติ แต่มีชีวิตชีวาแบบไทย ไม่เงียบสงบเกินไป หรือบทที่ 5 “ข้อแรกแห่งพุทธะอริยสัจ / กล่าวว่าชีวิตคือทุกขัง” บอกความจริงของชีวิตแบบตรงๆ ไม่ต้องตบแต่ง คล้ายจื้อจวี่ แต่สะท้อนความคิดพุทธที่คนไทยเข้าใจง่าย ความเรียบนี้ทำให้เราเห็นสกลนครจริงๆ ไม่ใช่แค่ภาพในจินตนาการ
ความรู้สึกโดยรวม
บทกวีจากสกลนคร มีความเรียบง่ายที่เหมือนกวีเอเชียอย่างไฮกุ จื้อจวี่ และซิโจ แต่พิเศษด้วยความเป็นไทยของ อ. เดวิด เขาไม่ใช้กฎเกณฑ์แบบกวีเก่าๆ ทำให้รู้สึกเหมือนอ่านคำพูดจากใจที่เล่าถึงฝน นาข้าว และความสงบ มันอาจไม่มีจังหวะแบบไฮกุ หรือความสมบุลแบบจื้อจวี่ แต่ความเรียบนี้กลับทำให้ทุกคนเข้าถึงได้ และเห็นความสวยงามของชีวิตธรรมดาแบบที่เราเจอทุกวัน
เล่มนี้เหมาะกับคนที่อยากเห็นกวีนิพนธ์ไทยเติบโตในแบบใหม่ อ. เดวิด ผสมความเป็นไทยเข้ากับมุมมองสากลได้อย่างน่าสนใจ อ่านแล้วทั้งภูมิใจในรากเหง้าของเรา และตื่นเต้นกับสิ่งที่กวีไทยจะเป็นในอนาคต